ไซนัสอักเสบ และโรคหืด

ไซนัสอักเสบ และโรคหืด

 

รศ.นพ.ปารยะ   อาศนะเสน
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบา

 

            โรคไซนัสอักเสบเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ  โดยมีความชุกประมาณร้อยละ 15 ในประชากรทั่วไป  และพบว่าร้อยละ 40 ถึง 75 ของผู้ป่วยโรคหืด มีปัญหาโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง ในขณะที่ร้อยละ 35 ของผู้ป่วยโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง มีปัญหาโรคหืดร่วมด้วย  ในประเทศไทยพบว่า มีความชุกของโรคจมูกอัก เสบภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 30  และความชุกของโรคหืดจากอาการประมาณร้อยละ 6.8  ในประชากรทั่วไป   ความชุกของโรคหืดจากการตรวจความไวเกินของหลอดลมต่อสิ่งกระตุ้นประมาณร้อยละ 2.9   และพบว่าร้อยละ 63 ของผู้ป่วยโรคหืด มีปัญหาโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้   ในขณะที่ร้อยละ 15 ของผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้มีปัญหาโรคหืดร่วมด้วย  โดยร้อยละ 45  มีอาการของโรคจมูกอักเสบนำมาก่อนอาการของโรคหืด และร้อยละ 15  มีอาการของโรคจมูกอักเสบตามหลังอาการของโรคหืด ร้อยละ 30 มีอาการของทั้งสองโรคพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการศึกษาถึงอุบัติการณ์ของโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง และโรคหืดที่เกิดร่วมกันในประเทศไทย

            โรคไซนัสอักเสบมีทั้งชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง โดยโรคไซนัสอักเสบเฉียบพลันมักจะเกิดขึ้นตามหลังการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจากไวรัส และสามารถกระตุ้นให้โรคหืดกำเริบได้  ผู้ป่วยบางรายเกิดไซนัสอักเสบเรื้อรัง ซึ่งโรคหืดเป็นภาวะหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง เนื่องจากการอักเสบเรื้อรังของทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง พบร่วมกันได้บ่อย  โรคหืดเป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม และทำให้หลอดลมมีความไวมากกว่าปกติต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ  และทำให้เกิดการอุดกั้นของหลอดลม โดยผู้ป่วยมีอาการไอ  แน่นหน้าอก  หายใจลำบาก  หายใจมีเสียงหวีด  โดยอาการเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือตลอดวัน  การอุดกั้นของหลอดลมสามารถหายได้เองบางส่วนหรือทั้งหมด หรือหายได้ด้วยการให้ยารักษา

  

กลไกปฏิสัมพันธ์ระหว่าง จมูกและทางเดินหายใจส่วนล่าง

               กลไกที่ทำให้การทำงานของทางเดินหายใจส่วนล่างผิดปกติในผู้ป่วยที่เป็นโรคไซนัสอักเสบมีดังต่อไปนี้

1. ผู้ที่เป็นโรคไซนัสอักเสบ  มีการทำงานของจมูก ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกรองอากาศ และปรับสภาพอากาศเสียไป  ผู้ป่วยต้องหายใจทางปาก   ทำให้ทางเดินหายใจส่วนล่าง มีโอกาสสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ และสิ่งระคายเคืองมากขึ้น  เป็นผลให้เกิดกระบวนการอักเสบ  และเพิ่มความไวของหลอดลมต่อสารกระตุ้นในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหืด  อย่างไรก็ตาม ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างความรุนแรงของการอุดกั้นของโพรงจมูกกับความรุนแรงของความไวของหลอดลมต่อสารกระตุ้น เยื่อบุจมูกสามารถช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ โดยหลั่งสารที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย เช่น lysozyme และ lactoferrin  นอกจากนี้ยังมี secretory IgA  และ nitric oxide ซึ่งหลั่งจากเยื่อบุไซนัส ซึ่งมีความสำคัญในการทำหน้าที่ปกป้องทางเดินหายใจส่วนล่าง  มีการศึกษาพบว่า การหายใจทางปาก ทำให้ค่าสมรรถภาพปอดลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับการหายใจเข้าทางจมูก

 2. การสูดสารคัดหลั่งที่เกิดจากไซนัสอักเสบผ่านลงไปในทางเดินหายใจส่วนล่าง  กลไกนี้พบในผู้ป่วยที่มีระดับสติสัมปชัญญะลดลงเท่านั้น จากการศึกษาในผู้ป่วยที่ระดับสติสัมปชัญญะดี ที่มีโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง โดยใส่สารรังสีเข้าไปในไซนัส ไม่พบว่ามีการสูดสำลักของสารรังสีดังกล่าวลงไปในปอด

            3.  เมื่อมีการกระตุ้นตัวรับรู้ในจมูก โดยการอักเสบของจมูก และ/ หรือไซนัส หรือบริเวณอื่น ๆ ในทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการจาม ไอ และมีการตีบแคบของหลอดลมได้ ผ่านทางการทำงานของเส้นประสาท เพื่อป้องกันไม่ให้สารกระตุ้นลงไปลึกในหลอดลม 

4.  การต่อเนื่องของกระบวนการอักเสบจากทางเดินหายใจส่วนบนไปสู่ส่วนล่าง  โดยผ่านทางกระแสเลือด (รูปที่ 1) หลักฐานที่สนับสนุนคือมีการเพิ่มขึ้นของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบในกระแสเลือดหลังจากการนำสารก่อภูมิแพ้ใส่เข้าไปในโพรงจมูกของผู้ป่วยโรคหืด ที่มีโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ร่วมด้วย  และพบเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบดังกล่าวเข้ามาในหลอดลม   

 

ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไซนัสอักเสบและโรคหืด

            มีการศึกษาที่แสดงว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคหืด มักจะมีอาการแย่ลงเมื่อเป็นโรคไซนัสอักเสบร่วมด้วย  และประมาณร้อยละ 50 ถึง 70 ของผู้ป่วยโรคหืด มีภาพถ่ายรังสีของไซนัสผิดปกติ  โดยความผิดปกติดังกล่าวพบในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่   นอกจากนี้ยังพบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างความรุนแรงของโรคหืด และความชุกและความรุนแรงของไซนัสอักเสบ  แต่ก็มีการศึกษาที่พบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างความรุนแรงของโรคหืด และภาวะหลอดลมตอบสนองไวเกินในผู้ป่วยที่มีหรือไม่มีโรคไซนัสอักเสบ  การศึกษาต่าง ๆ ดังกล่าว บอกเพียงว่าภาวะทั้ง 2 อย่างเกิดร่วมกัน แสดงถึงการมีขบวนการอักเสบเกิดขึ้นทั้งในทางเดินหายใจส่วนบนและทางเดินหายใจส่วนล่าง แต่มิได้หมายความว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองภาวะดังกล่าวเป็นเหตุและผลของกันและกัน

 

               การอักเสบที่เกิดขึ้นทั้งในทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างนั้น เชื่อว่ามีกลไกของโรคไซนัสอักเสบที่ทำให้อาการของโรคหืดแย่ลง เช่น การสูดสารคัดหลั่งจากไซนัสลงไปในปอด, การกระตุ้นผ่านประสาทสมองคู่ที่ 10  ทำให้เกิดการหดตัวของหลอดลม,  การหายใจทางปากทำให้เกิดภาวะหลอดลมแห้ง และกระตุ้นการสร้างสารที่มีฤทธิ์ทำให้หลอดลมตีบโดยตรง หรือกระตุ้นผ่านทางเซลล์ชนิดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการอักเสบให้เข้าไปในเยื่อบุของทางเดินหายใจทั้งในไซนัสและหลอดลมมากขึ้น  ตัวอย่างภาวะที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความผิดปกติของทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีทั้งการแพ้ยาแอสไพริน, ริดสีดวงจมูก และโรคหืดในคนๆเดียวกัน  เมื่อผู้ป่วยถูกกระตุ้นด้วยยาแอสไพริน จะมีอาการน้ำมูกไหล  จาม  คัดจมูก และหลอดลมตีบ  หลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างไซนัสและหลอดลม ได้แก่ การที่อาการทางหลอดลมของผู้ป่วยโรคหืดดีขึ้น เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาโรคไซนัสอักเสบให้ดีขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการให้ยา หรือผ่าตัดรักษา  นอกจากนี้การรักษาไซนัสอักเสบ ยังทำให้ภาวะหลอดลมตอบสนองไวเกินลดลงด้วย และผู้ป่วยโรคหืดยังสามารถลดการใช้ยาขยายหลอดลม และยาสเตียรอยด์ชนิดกินได้  ตลอดจนลดจำนวนครั้งของการกำเริบของโรคหืดต่อเดือน และลดการต้องเข้ารักษาในห้องฉุกเฉิน  ผู้ป่วยมีสมรรถภาพของปอดกลับมาเป็นปกติเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย   หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าให้การรักษาผู้ป่วยโรคหืดที่มีไซนัสอักเสบร่วมด้วย โดยใช้ยารักษาโรคหืดเพียงอย่างเดียว ไม่ได้รักษาไซนัสอักเสบที่เป็นร่วมด้วย อาจทำให้อาการหอบหืดไม่ดีขึ้นได้
  

            โดยสรุป โรคไซนัสอักเสบและโรคหืด พบร่วมกันได้บ่อย  และโรคไซนัสอักเสบทำให้ผู้ป่วยโรคหืดมีอาการแย่ลง  ดังนั้น จึงควรซักถามอาการของโรคไซนัสอักเสบในผู้ป่วยโรคหืดเสมอ และในทำนองเดียวกัน ควรซักถามอาการของโรคหืดในผู้ป่วยที่มีไซนัสอักเสบด้วยเสมอ  ผู้ป่วยโรคหืดที่รักษาด้วยยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือยังมีอาการอยู่ ควรได้รับการประเมินว่ามีโรคไซนัสอักเสบร่วมด้วยหรือไม่  ถ้าพบ ว่ามีโรคไซนัสอักเสบร่วมด้วย  การรักษาโรคไซนัสอักเสบจะทำให้อาการของโรคหืดดีขึ้น  และสามารถหลีก เลี่ยงการใช้ยาควบคุมโรคหืด หรือใช้ยาควบคุมในปริมาณที่น้อยลงได้

 

 

 


เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด