เจ็บคอ..........จะแย่แล้ว (ตอนที่ 2)
เจ็บคอ..........จะแย่แล้ว (ตอนที่ 2)
รศ. นพ. ปารยะ อาศนะเสน
สาขาวิชาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ผู้ป่วยควรปฏิบัติตนอย่างถูกต้องและเหมาะสม เช่น
- ควรรับประทานอาหารอ่อนๆเช่น โจ๊กหรือข้าวต้มที่ไม่ร้อนจนเกินไป ควรรับประทานอาหารที่เย็น เช่นไอศกรีม หรือดื่มเครื่องดื่มที่เย็น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ด หรือรสจัด, อาหารที่ปรุงด้วยการผัด และการทอด
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์, ชา, กาแฟ
- หลีกเลี่ยงการใช้เสียงชั่วคราว
- ควรพยายามทำความสะอาดคอบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร ด้วยการแปรงฟัน หรือกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปาก, น้ำเกลืออุ่นๆ (โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชา กับน้ำอุ่น 1 แก้ว) หรือน้ำเปล่าทุก 1-2 ชั่วโมงหลังอาหารทุกมื้อ เนื่องจากการที่ไม่รักษาความสะอาดในช่องปากให้ดี อาจมีเศษอาหารตกค้างในช่องปากและลำคอ ทำให้เจ็บคอมากขึ้นได้ นอกจากนั้น การกลั้วคอดังกล่าวจะช่วยให้คอชุ่มชื้น และลดอาการเจ็บ และระคายคอด้วย
-ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 แก้ว เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุลำคอที่อักเสบอยู่
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรือมีคนรอบข้างที่ไม่สบาย
- อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี หลีกเลี่ยงของฉุน ฝุ่น ควัน สิ่งระคายเคือง เพื่อลดอาการระคายคอ และระวังการแพร่กระจายเชื้อติดต่อไปยังบุคคลข้างเคียง ด้วยการใช้กระดาษชำระปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอหรือจาม แล้วทิ้ง หมั่นล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ, ก่อนรับประทานอาหาร หรือหลังไอ, จาม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศที่เย็นมากๆ เช่น ขณะนอนเปิดแอร์หรือพัดลมเป่าจ่อ ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็น ตากฝน
เมื่อไรจึงควรมาพบแพทย์
ควรนำผู้ป่วยเด็กที่มีอาการเจ็บคอมาพบแพทย์ เมื่อเด็กมีอาการดังต่อไปนี้
- มีน้ำลายไหลตลอดเวลา ซึ่งบ่งบอกว่าผู้ป่วยกลืนไม่ได้ ไม่ยอมรับประทานอาหาร
- หายใจลำบาก
- กลืนลำบาก
ผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่มีอาการเจ็บคอ ควรมาพบแพทย์ เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการเจ็บคอรุนแรง หรือเป็นเรื้อรังเกิน 1 สัปดาห์ แล้วยังไม่หาย
- หายใจลำบาก ไอ หอบเหนื่อย
- กลืนลำบาก มีน้ำลายไหล
- ไม่สามารถอ้าปากได้
- มีอาการปวดหู หูอื้อ หรือปวดตามข้อร่วมด้วย
- มีไข้สูงมากกว่า 38.3 °C
- มีผื่น
- มีน้ำลาย หรือเสมหะปนเลือด
- อาการเจ็บคอเป็นบ่อย เป็นๆหายๆ
- คลำก้อนได้ที่คอ
- มีเสียงแหบ หรือต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วยนานเกิน 2 สัปดาห์
- เจ็บคอมากจนรับประทานอาหาร และดื่มน้ำได้น้อย
- ผู้ป่วยที่เคยมีประวัติโรคไข้รูมาติค หรือโรคลิ้นหัวใจ
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่นเป็นโรคเอดส์, เบาหวาน, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, โรคไขกระดูกฝ่อ, ไม่มีม้าม หรือได้รับการตัดม้าม, กำลังได้ยาเคมีบำบัด หรือ ยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ, ผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ ที่ได้ยา carbimazole)