เครื่องกระตุ้นความตึงตัวทางเดินหายใจความหวังใหม่สำหรับคนนอนกรน
เครื่องกระตุ้นความตึงตัวทางเดินหายใจ
ความหวังใหม่สำหรับคนนอนกรน
รศ.นพ.วิชญ์ บรรณหิรัญ, RPSGT, ABSM
Certified International Sleep Specialist
คลินิกนอนกรน แผนกหู คอ จมูก
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
การนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (obstructive sleep apnea) หรือที่วงการแพทย์รู้จักกันดีในชื่อย่อว่า OSA สาเหตุสำคัญมากส่วนหนึ่งเกิดจากการอุดกั้นของช่องคอโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณโคนลิ้นและเนื้อเยื่อเพดานอ่อนจนกระทั่งทำให้ลมหายใจไม่สามารถเข้าออกได้อย่างปกติ หรือหยุดหายใจเป็นช่วงๆขณะนอนหลับ ทั้งนี้เป็นเพราะขณะนอนหลับกล้ามเนื้อและระบบประสาทจะคลายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้าสู่ระยะหลับฝัน หรือที่แพทย์เรียกว่าการหลับระยะ REM (อ่านว่า เร็ม)
แม้ว่าการรักษาในปัจจุบันมักใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกชนิดต่อเนื่อง หรือ CPAP (ซีแพ็บ) อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยหลายรายอาจไม่สามารถใช้เครื่องได้จากผลข้างเคียงหรือความอึดอัดไม่สะดวก ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีพัฒนาการทางการแพทย์เพื่อเป็นทางเลือกแบบใหม่ สำหรับการรักษานอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ โดยอาศัยหลัก การใช้เครื่องมือเพื่อปล่อยคลื่นไฟฟ้าขนาดต่ำ ๆ แบบอัตโนมัติตามจังหวะการหายใจซึ่งเป็นเทคโนโลยีคล้ายของเครื่องกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจ (cardiac pacemakers) และเครื่องกระตุ้นเส้นประสาทแบบอื่นที่ปลอดภัยต่อร่างกาย ปล่อยผ่านทางสายสื่อกระแสมาที่เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงบริเวณโคนลิ้น หรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณโคนลิ้นตึงตัวและหดตัวและขยับตัวไปข้างหน้า ซึ่งจะทำให้เปิดทางเดินหายใจระดับหลังโคนลิ้นกว้างขึ้นจากการป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปด้านหลัง กลไกการทำงานโดยจะมีตัวควบคุมรับ-ส่งสัญญาณฝังอยู่ที่ผนังทรวงอกข้างหน้าด้านบน ซึ่งทำงานโดยอัตโนมัติและสัมพันธ์กับจังหวะการหายใจของผู้ป่วย โดยที่ผู้ป่วยสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องดังกล่าวได้ผ่านทางรีโมทคอนโทรล (remote control) โดยผู้ป่วยเปิดเครื่องมือเองเมื่อกำลังจะนอนหลับ-ปิดเครื่องมือเองได้เมื่อตื่น ในการรักษาวิธีนี้ แพทย์จะลงแผลผ่าตัดทั้งหมด 3 แผลด้วยกัน คือ 1. บริเวณใต้คางเพื่อนำสายกระตุ้นไปวางบนแขนงของเส้นประสาท, 2. บริเวณทรวงอกข้างเดียวกันกับแผลแรกประมาณระหว่างกระดูกซี่โครงช่องที่ 4 -5 และ ตำแหน่งที่ 3. บริเวณใต้ต่อกระดูกไหปลาร้าประมาณ 2-4 ซม. ข้างเดียวกัน
ข้อดีของการรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นความตึงตัวของทางเดินหายใจวิธีนี้ คือ ไม่ต้องเสียเวลาพกพาและสวมใส่หรือทำความสะอาดเครื่องมือที่ใบหน้าหรือในปากทุกวัน นอกจากนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าจากการผ่าตัดขากรรไกรหรือโครงสร้างทางกายวิภาค ล่าสุดได้มีการศึกษาประสิทธิภาพของการรักษาวิธีนี้ในโรงพยาบาลชั้นนำในทวีปอเมริกาและยุโรปหลายแห่งร่วมกัน พบว่าจากการติดตามผู้ป่วยเป็นระยะเวลา 1 ปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่รักษาด้วยวิธีนี้ มีการลดลงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา
เท่าที่มีรายงานยังไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรง อย่างไรก็ตามผู้ป่วย อาจมีความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยตรงที่มีสายหรือเครื่องอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเครื่องทำงาน, อาจปวดแผลผ่าตัดและกล้ามเนื้อบริเวณโดยรอบในช่วงแรก, บางรายอาจมีอาการลิ้นอ่อนแรงซึ่งส่วนใหญ่มักจะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้ภายใน 2-4 สัปดาห์, ผู้ป่วยอาจเจ็บลิ้น หรือ มีแผลด้านล่างของลิ้น ซึ่งเกิดจากลิ้นเคลื่อนไหวสัมผัสกับฟันล่าง ซึ่งผลข้างเคียงนี้มักจะดีขึ้น หลังจากผู้ป่วยคุ้นเคยกับเครื่องและมีการปรับการกระตุ้นแล้ว, และอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดเช่นเดียวกันการผ่าตัดอื่น ๆ ในบริเวณนี้ซึ่งพบได้น้อย ข้อควรระวังอื่น ๆ คือ ไม่ควรให้เครื่องมืออยู่ใกล้เครื่องมือที่สามารถปล่อยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้
การดูแลเครื่องมือและติดตามการรักษา
แม้ว่าปัจจุบันเครื่องมือดังกล่าวนี้ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายได้ในประเทศในทวีปยุโรป และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาโดยองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่ยังไม่มีในประเทศไทย อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยวิธีนี้เป็นการรักษาทางเลือกใหม่ซึ่ง ผู้ป่วยคนไทยมีโอกาสที่จำนวนไม่น้อยจะได้รับประโยชน์จากการรักษาเช่นเดียวกันในอนาคตอันใกล้ ผู้ป่วยที่สนใจรักษาด้วยวิธีนี้จึงต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินก่อนว่า มีโอกาสหรือเหมาะสมที่จะใช้วิธีนี้หรือไม่ และต้องติดตามดูผลการรักษาในระยะยาวต่อไป