มะเร็งเต้านมกับคำถามสุดฮิต

มะเร็งเต้านมกับคำถามสุดฮิต

ศ.นพ.พรชัย  โอเจริญรัตน์

ภาควิชาศัลยศาสตร์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

กินมังสวิรัติต้านมะเร็งได้หรือไม่ ?

            อาหารมังสวิรัติมีคุณค่าในการเสริมสุขภาพหลายประการ   โดยที่ส่วนใหญ่มีปริมาณไขมันอิ่มตัวต่ำและมีเยื่อไฟเบอร์และวิตามินสูง  ซึ่งมีส่วนลดการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคหัวใจ   อย่างไรก็ตามข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันไม่พบว่าการกินมังสวิรัติสามารถป้องกันมะเร็งได้  ตรงกันข้ามมีรายงานการวิจัยพบว่า ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติระยะต่อเนื่องยาวนาน  มีอัตราการสูญเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมสูงกว่ากลุ่มที่รับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ตามปรกติ  ทั้งยังยังพบว่ามีอุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมสูงกว่าประชากรทั่วไป

            ส่วนการรับประทานถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองปริมาณมาก ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งเยื่อบุผนังมดลูกนั้น  เนื่องจากในถั่วเหลืองมีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน   ข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมคือรับประทานอาหารประเภทถั่วเหลืองในปริมาณพอประมาณ  และหลีกเลี่ยงอาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากถั่วเหลืองที่มีความเข้มข้นสูงที่ใช้ทดแทนฮอร์โมน

เนื้อสัตว์และเนื้อแดงเร่งมะเร็งจริงหรือ ?

             ความเชื่อที่ว่าอาหารที่มีเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัวที่เป็นเนื้อแดง หรือเนื้อไก่เป็นตัวเร่งทำให้เกิดมะเร็งจริงหรือไม่  โดยรูปแบบการรับประทานอาหารของคนไทย เมื่อเทียบกับประเทศทางตะวันตกซึ่งนำมาปรุงในรูปแบบของเนื้อเสต็กเป็นก้อนใหญ่ ปริมาณมากถึง 400 กรัมต่อมื้อ  ในขณะที่อาหารไทยนั้น นำเนื้อหมู เนื้อไก่มาปรุงเป็นเพียงส่วนประกอบใน “กับข้าว” เท่านั้น และอาหารส่วนมากยังอุดมไปด้วยผัก ซึ่งเนื้อสัตว์แทบไม่ได้เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารไทย จึงยังไม่ก่อให้เกิดปัญหา เพราะปริมาณของ  “เนื้อแดงหรือเนื้อสัตว์”  ไม่ได้มากเกินไป การหลีกเลียงเนื้อสัตว์โดยเด็ดขาดเป็นความเชื่อที่ผิดและทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน

ไขมันสัตว์เร่งมะเร็งจริงหรือ ?  

ไขมันสัตว์เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่เหมาะสม  การตัดไขมันสัตว์โดยสิ้นเชิงนั้น มีผลเสีย  การรับประทานแต่อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล  เมื่อพลังงานจากสารอาหารต่าง ๆ เหล่านี้ถูกใช้ไปไม่หมด ร่างกายจึงแปรรูปนำไปเก็บไว้ในรูปของไขมันสะสมในร่างกาย โดยไม่ได้มาจากการรับประทานไขมันเข้าไปสะสมในร่างกายโดยตรง ดังนั้น ปริมาณ ชนิด และสัดส่วนของอาหาร จึงสำคัญมากกว่า การตัดอาหารหมู่ใดหมู่หนึ่งออกไป 

ส่วนปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งนั้น ก็ไม่ได้มาจากไขมัน แต่มาจากน้ำหนักส่วนเกิน ซึ่งมาจากการรับประทานปริมาณมาก ผิดสัดส่วน และขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น

เป็นมะเร็งต้องงดเนื้อสัตว์ งดนมวัว งดไข่เพราะเป็นของแสลง ให้กินแต่เนื้อปลา?

             เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมามากมาย   การรับประทานอาหารที่เหมาะสม ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย ยังคงควรยึดตามแนวทางของการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งรวมทั้งเนื้อ นม ไข่ ผักและผลไม้  ร่างกายไม่สามารถต้านทานหรือต่อสู้กับมะเร็งได้ หากขาดสารอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งไป ยิ่งเมื่อเจ็บป่วย ร่างกายไม่แข็งแรง ยิ่งต้องการสารอาหารเข้าไปช่วยให้ร่างกายต่อต้านความเสื่อมโทรมต่าง ๆ   การรับประทานเนื้อปลาหรือน้ำมันตับปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา-3  อาจมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อย่างไรก็ตามไม่พบว่าลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้

วิตามินซีปริมาณสูงต้านมะเร็ง ?

          คำแนะนำในการให้วิตามินซีปริมาณสูงที่ได้รับความนิยมมานาน โดยหวังผลในการป้องกันและรักษามะเร็งนั้น โดยผู้เสนอทฤษฏีนี้วิจัยในคนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายจำนวนไม่กี่รายและไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบ ต่อมาได้มีการศึกษาเปรียบเทียบอย่างเป็นระบบในผู้ป่วยจำนวนมาก พบว่าการได้รับวิตามินซีขนาดสูงไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อมะเร็งเลย และที่น่าสนใจผู้เสนอทฤษฎีนี้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง

มะเร็งหายได้ด้วยแพทย์ทางเลือก ?

            การแพทย์ทางเลือก เป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยมีการสร้างกระแสจากสื่อต่าง ๆ รายงานว่าหายจากมะเร็งได้ด้วยแพทย์ทางเลือก แต่จากการเก็บข้อมูลผู้ที่ใช้การแพทย์ทางเลือกในประเทศไทย มีข้อที่น่าสังเกต ดังนี้
            - ผู้หญิงบางรายไม่ได้เป็นมะเร็ง เพียงแต่ไปพบแพทย์และได้รับการตรวจคลำพบก้อนในเต้านม ซึ่งแพทย์สันนิษฐานว่าอาจเป็นมะเร็ง แต่ไม่ได้รับการตรวจโดยละเอียด หันเข้าหาแพทย์ทางเลือกเลย ซึ่งในความเป็นจริงอาจเป็นซีสต์ ซึ่งสามารถหายได้เองเมื่อปล่อยไว้ระยะเวลาหนึ่ง
            - ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งชนิดไม่ลุกลาม เช่น มะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก ซึ่งได้รับการวินิจฉัยโดยการ

คว้านชิ้นเนื้อเพื่อไปตรวจหามะเร็งนั้น เป็นการรักษาในรูปแบบหนึ่งอยู่แล้ว

หลังจากนั้นผู้ป่วยหันไปหาแพทย์ทางเลือก จึงทำให้เข้าใจว่าช่วยให้หายจากมะเร็ง ทั้งที่ชิ้นเนื้อที่คว้านไปอาจตัดเชื้อมะเร็งออกไปจนหมดเนื่องจากเป็นในระยะเริ่มแรก
            - ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันจนครบคอร์สแล้ว กำลังเกิดผลข้างเคียงจาก

การรักษา  ร่างกายอ่อนเพลียจากเคมีบำบัด และหันเข้าหาแพทย์ทางเลือกในช่วงนั้น  เมื่อร่างกายฟื้นตัวขึ้น  ก็เข้าใจเอาว่าการที่มะเร็งหายนั้น มาจากแนวทางการแพทย์ทางเลือกที่ไปเข้ารับในภายหลัง   
            - แพทย์ทางเลือกผสมยาเคมีบำบัดในยาสมุนไพรที่อ้างว่ารักษามะเร็งได้ เมื่อผู้ป่วยรับยาเข้าไปทำ

ให้ก้อนมะเร็งยุบลงได้ แต่เป็นการรับยาในปริมาณที่ไม่เพียงพอและไม่เหมาะสม เหมือน “การเลี้ยงไข้” เอาไว้ ทำให้สุดท้ายมะเร็งเกิดดื้อยาในที่สุด
            - กลุ่มที่เชื่อในแนวทางแพทย์ทางเลือกนี้ มีความคล้ายคลึงกัน คือ เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาดี และ

พยายามขวนขวายหาข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ  จึงหันไปหาแพทย์ทางเลือกโดยละเลยแพทย์แผนปัจจุบัน  หลายรายที่ออกไปแล้วกลับมาเข้ารับการรักษาหลังจากวิเคราะห์เจอครั้งแรก 1-2 ปี ทำให้หมดโอกาสในการรักษาตั้งแต่มะเร็งเกิดขึ้นแรก ๆ โอกาสการหายก็น้อยลง และหลายรายกลับมาในลักษณะที่มะเร็งลุกลามไปไกลเกินกว่าจะแก้ไขได้แล้ว

ข้อแนะนำ คือ อย่าทิ้งการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียดายหากแนวทางที่เลือกไปไม่ประสบผล อย่าลืมว่าการปล่อยเวลาให้ผ่านไปนั้น เท่ากับเป็นการปล่อยให้เซลล์มะเร็งร้ายในร่างกายโตขึ้นทุกวัน

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด