ยาหยอดหู ตอนที่ 2

ยาหยอดหู ตอนที่ 2

รศ.นพ.ปารยะ   อาศนะเสน
ภาควิชาโสต  นาสิก  ลาริงซ์วิทยา  
 
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
 

ผลข้างเคียง
            1.  พิษต่อหู  การใช้ยาหยอดหูในโรคหูชั้นกลางที่มีเยื่อบุแก้วหูทะลุ  ต้องระวัง เพราะยาอาจมีพิษต่อเซลล์ประสาทหูชั้นในได้   ส่วนใหญ่มักเกิดกับยาต้านจุลชีพกลุ่ม aminoglycoside แต่พบได้น้อยมาก   เชื่อว่าพิษต่อหูชั้นในเกิดจากยาผ่านแก้วหูที่ทะลุเข้าไปในหูชั้นกลาง อาจทำให้มีการสูญเสียการได้ยินและการทรงตัว  เวียนศีรษะ หรือมีเสียงดังในหูได้  เมื่อมีอาการดังกล่าว  ควรหยุดยาหยอดทันทีและควรได้รับการตรวจการได้ยิน       
            2.  อาการปวด  มักพบในรายที่ใช้ยาหยอดหูขณะที่มีแก้วหูทะลุ   โดยเฉพาะยาหยอดหูที่มีคุณสมบัติเป็นกรด  หรือ มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ  ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถทนได้ควรเปลี่ยนเป็นยาชนิดที่ใช้หยอดตา ซึ่งมีส่วนประกอบ ที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า
            3.  การแพ้ยา  พบได้โดยเฉพาะ neomycin ทำให้แพ้ได้บ่อย     โดยอาจมีผื่นแพ้ที่ผิวหนังของช่องหูชั้นนอกและใบหู   ช่องหูชั้นนอก อาจบวม แดง หรือมีตุ่มใสขึ้นที่รูหูหรือใบหู      อาจมีอาการคันร่วมด้วย  การใช้ยาต้านจุลชีพ  ตัวอื่นก็อาจพบได้ ควรต้องหยุดยาหยอดทันทีถ้ามีอาการดังกล่าว แล้วรีบมาพบแพทย์
            4.  การติดเชื้อราแทรกซ้อน  เกิดจากการใช้ยาต้านจุลชีพ  เป็นระยะเวลานาน ๆ     ควรต้องหยุดยาต้านจุลชีพนั้น และรักษาโรคเชื้อราในหู

วิธีหยอดยาหยอดหู
            การรักษาโดยการใช้ยาหยอดหูให้ได้ผลสูงสุดนั้นจำเป็นต้องอธิบายให้คนไข้ทราบถึงวิธีการหยอดยาหยอดหูที่ถูกต้อง
           1. ควรปรับอุณหภูมิของยาให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิของร่างกาย ถ้าเก็บยาไว้ในตู้เย็น ควรนำมาตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง หรือประคบด้วยมือสักพักจนได้อุณหภูมิพอเหมาะก่อนใช้  การหยอดยาที่เย็นเกินไปอาจทำให้เกิดอาการมึนศีรษะได้
           2.  ควรทำความสะอาดช่องหูชั้นนอกก่อน เศษสิ่งสกปรก หรือ หนองควรจะถูกเอาออกก่อน โดยใช้ไม้พันสำลีเช็ดออก หรือ โดยการดูด
           3.  ผู้ป่วยควรจะตะแคงเอาหูด้านที่จะหยอดขึ้นบน 
           4.  การหยอดหูจะได้ผลดีสุด ถ้ามีคนหยอดให้ โดยเฉพาะในเด็ก หรืออาจหยอดเอง โดยทำให้ช่องหูชั้นนอกตรงก่อนโดยดึงใบหูไปด้านบนและไปทางด้านหลัง
           5. หยอดยาหยอดหูลงไปในช่องหูชั้นนอกให้ท่วม (ประมาณ 8 – 10 หยด) ในรายที่มีเยื่อบุแก้วหูทะลุ อาจต้องหยอดมากกว่านี้ ระวังอย่าให้ปากขวดยาสัมพผันกับผู้ป่วย
           6.  อาจนวดบริเวณติ่งหน้าใบหู เพื่อช่วยดันยาไปยังช่องหูชั้นนอกส่วนลึก รวมถึงเข้าไปในหูชั้นกลาง ผ่านทางเยื่อบุแก้วหูที่ทะลุได้ดีขึ้น ในรายที่มีเยื่อบุแก้วหูทะลุ
           7.  นอนตะแคงอยู่ในท่าเดิมประมาณ 5 – 10 นาที      ควรแนะนำผู้ป่วยที่มีเยื่อบุแก้วหูทะลุว่าอาจมียาไหลลงคอได้ (ถ้าท่อที่ต่อระหว่างหูชั้นกลางและโพรงหลังจมูกยังทำงานได้ดี)
           8.  ก่อนลุกขึ้นหรือหยอดหูอีกข้าง ควรนำสำลีอุดที่ช่องหูชั้นนอกข้างที่หยอดแล้ว เพื่อให้ยาค้างและสัมผัสอยู่ในช่องหูนานที่สุดเท่าที่จะนานได้  และสามารถนำสำลีนี้ออกได้หลังจากนั้น 20 – 30 นาที และให้ยาในช่องหูไหลออกมาเองแล้วเช็ดทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ หู

 

 

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด