ทางเชื่อมต่อที่ผิดปกติระหว่างไซนัสโหนกแก้ม และช่องปาก ตอนที่ 1
ทางเชื่อมต่อที่ผิดปกติระหว่างไซนัสโหนกแก้ม และช่องปาก ตอนที่ 1
(Oroantral Fistula)
รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน
สาขาวิชาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โดยปกติไซนัสหรือโพรงอากาศข้างจมูกบริเวณโหนกแก้มและช่องปากไม่มีทางเชื่อมต่อกัน เมื่อเกิดพยาธิสภาพหรือความผิดปกติจะทำให้มีรูเชื่อมต่อระหว่าง 2 อวัยวะดังกล่าวได้ และถ้าทางเชื่อมต่อนั้นมีเยื่อบุผิวมาปกคลุมก็จะทำให้รูเปิดนั้นไม่ปิดง่ายๆ อุบัติการของความผิดปกติดังกล่าวนี้มักเกิดในช่วงอายุ 20-40 ปี
สาเหตุเกิดจาก
1) การถอนฟัน เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดรู ผ่านทางร่องฟันหลังถอนฟัน โดยมักเกิดตามหลังการถอนฟันกรามบนซี่แรก (first upper molar) บ่อยที่สุด เนื่องจากการเจริญของไซนัสโหนกแก้มเกิดพร้อมกับการขึ้นของฟันแท้บางซี่ เช่น second upper premolar, first and second upper molar บริเวณพื้นของไซนัสโหนกแก้ม จึงอยู่ชิดกับรากของฟันกรามบนมาก ทำให้มีการทะลุเข้าไปในโพรงไซนัสโหนกแก้มได้ง่ายหลังถอนฟันซี่ดังกล่าว นอกจากนั้นการที่มีฝีที่รากฟันกรามบน, โรคเหงือก หรือ โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง เวลาถอนฟัน ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดรูเชื่อมต่อระหว่างไซนัสโหนกแก้มและช่องปากได้ง่าย การพยายามเอารากฟัน ที่หักคาอยู่ที่ร่องฟันออก หลังเกิดฟันหัก หรือการถอนฟันคุด อาจทำให้เกิดรูเชื่อมต่อระหว่างไซนัสโหนกแก้มและช่องปากได้ โดยปกติถ้าผู้ป่วยไม่มีโรคของไซนัส, โรคฟัน หรือโรคเหงือก รูที่เกิดหลังจากถอนฟันนี้มักปิดได้เอง
2) อุบัติเหตุ โดยอาจเกิดรูเชื่อมต่อระหว่างไซนัสโหนกแก้มและช่องปาก หลังจากมีแผลทะลุบริเวณเพดานแข็ง เช่น มีการหักของกระดูกบริเวณใบหน้า หรือเกิดจากแผลหลังถูกปืนยิงทะลุ หรือฟันบนหลุดจากอุบัติเหตุ แล้วทำให้กระดูกขากรรไกรบนเหี่ยวฝ่อ และเกิดไขกระดูกอักเสบ
3) หลังการผ่าตัด เช่น หลังทำผ่าตัดไซนัสโหนกแก้ม โดยเข้าทางด้านหน้าของไซนัส หรือหลังส่องกล้องเข้าไปในไซนัสโหนกแก้มด้านหน้า ผ่านทางช่องปาก แผลผ่าตัดอาจจะปิดไม่สนิท จึงเกิดรูเชื่อมต่อขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ มักเกิดจาก การขาดการระบายที่ดีของรูเปิดระหว่างไซนัสและโพรงจมูก
4) เนื้องอกในไซนัสโหนกแก้ม อาจกัดกร่อนพื้นของไซนัสแล้วทะลุเข้ามาในช่องปากได้ หรืออาจเกิดจากการแยกของเนื้อเยื่อ หลังฉายแสงในการรักษามะเร็งของไซนัส หรือช่องปาก
อาการ
ผู้ป่วยอาจมาด้วย อาการของไซนัสอักเสบเรื้อรัง คือ ปวดตื้อๆ บริเวณโหนกแก้ม มีอาการคัดจมูก น้ำมูกสีเหลืองเขียว มีเสมหะในคอ อาจมีหนองไหลออกมาในช่องปาก ทำให้มีกลิ่นเหม็น หรือเวลาดื่มน้ำ จะมีน้ำไหลเข้าไปในช่องจมูกได้ก่อนกลืน หรือดูดน้ำโดยใช้หลอดลำบาก เนื่องจากต้องทำให้เกิดความดันในช่องปากที่เป็นลบด้วยขนาดที่สูงกว่าปกติ
อาการแสดง
เมื่อตรวจดูในช่องจมูก อาจพบอาการแสดงของไซนัสอักเสบคือ มีน้ำมูกเหลืองข้นในช่องจมูก เยื่อบุจมูกบวมแดง และอาจมีเสมหะสีเหลืองไหลลงคอ เมื่อตรวจดูในช่องปาก อาจเห็นรูบริเวณกระดูกโหนกแก้มซึ่งอาจมีหนองไหลออกมา เมื่อใช้สายพลาสติกใส่เข้าไปในรูก็สามารถเข้าไปในไซนัสโหนกแก้มได้
การวินิจฉัย
อาศัยประวัติ และการตรวจร่างกาย เพื่อแยกโรคจากโรคอื่นๆ เช่น โรคไซนัสอักเสบ, โรคมะเร็งของจมูกและไซนัส และควรจะใช้สายพลาสติกขนาดเล็ก ใส่ลงไปใน ทางเชื่อมดังกล่าว เพื่อดูว่าสามารถเข้าไปในไซนัสได้หรือไม่ รวมทั้งการสืบค้นเพิ่มเติมดังนี้
1) เอ็กซเรย์ ไซนัสชนิดธรรมดา จะมีประโยชน์ในการดูว่า มีไซนัสอักเสบหรือไม่ มีสิ่งแปลกปลอมในไซนัสหรือไม่ มีลักษณะการกัดกร่อนของกระดูกที่เกิดจากเนื้องอกในไซนัสหรือไม่ นอกจากนั้น เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) สามารถให้รายละเอียดต่างๆ ได้มากกว่าการเอ็กซเรย์ ไซนัสธรรมดา เช่น ลักษณะทางกายวิภาค, ลักษณะของรอยโรคในไซนัส, สิ่งแปลกปลอมในไซนัส, ขอบเขตของโรคในไซนัส ซึ่งมีประโยชน์ในการวางแผนรักษา
2) การฉีดสารทึบรังสี เข้าไปในรูแล้วเอ็กซเรย์ไซนัสดู อาจมีประโยชน์ในรายที่อาการ และอาการแสดงไม่ชัดเจนเท่านั้น ส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่นิยมทำแล้ว
3) การตัดชิ้นเนื้อ อาจจำเป็นในรายที่สงสัยเนื้องอกบริเวณรูเชื่อมต่อ หรือในไซนัสโหนกแก้ม
4) การเอ็กซเรย์ฟัน อาจแสดงให้เห็นถึง เศษของรากฟันที่หักคาอยู่ และบอกถึงพยาธิสภาพของกระดูกขากรรไกร และฟันบริเวณใกล้เคียงกับรูเชื่อมต่อที่ผิดปกติได้
5) การส่องตรวจโพรงจมูกด้วยกล้องเอ็นโดสโคป เพื่อดูว่ามีลักษณะน้ำมูกเหลืองข้นในช่องจมูก ซึ่งออกมาจากรูเปิดของไซนัสโหนกแก้มหรือไม่ รวมทั้งดูว่ารูเปิดระหว่างไซนัสและโพรงจมูกยังดีอยู่หรือไม่ มีอะไรมาอุดกั้นหรือไม่ นอกจากนี้ยังช่วยยืนยันการวินิจฉัย ในกรณีที่สงสัยเนื้องอกในโพรงจมูกหรือไซนัส และช่วยวินิจฉัย ภาวะที่ส่งเสริมให้เกิดไซนัสอักเสบ เช่น ริดสีดวงจมูก หรือ ผนังกั้นช่องจมูกคด ในรายที่รูเชื่อมต่อระหว่างไซนัสโหนกแก้มและช่องปากใหญ่พอ อาจส่องกล้องเข้าไปดูลักษณะของทางเชื่อมดังกล่าว และเยื่อบุในไซนัสโหนกแก้มได้
-มีต่อตอนที่ 2-