หูน้ำหนวก (ตอนที่2)
หูน้ำหนวก (ตอนที่2)
อ.นพ.ศรัญ ประกายรุ้งทอง
ภาควิชาโสต นาสิก ลางริงซ์วิทยา
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
หูเป็นอวัยวะรับเสียงของคนเรานั้น ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ หูชั้นนอก ได้แก่ ใบหู ช่องหู หูชั้นกลาง ได้แก่ แก้วหู กระดูกหู และช่องหูชั้นกลาง หูชั้นใน เป็นกระดูกรูปก้นหอยซึ่งติดต่อกับสมอง สำหรับภาวะหูน้ำหนวก คือการที่มีน้ำหนองไหลออกจากหู เป็น โรคหูชั้นกลางอักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก โดยจะพบได้บ่อยในเด็กเล็กวัยเริ่มเข้าเรียน
หูชั้นกลางอักเสบมี 2 ลักษณะ คือ
1. หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน มักพบในเด็ก โดยในระยะแรกจะมีอาการไข้สูง ปวดหูมาก ถ้าเป็นเด็กเล็ก ก็จะร้องกวนตลอด เอามือกุมหูข้างที่ปวดไว้เป็นส่วนใหญ่ และอาการปวดหูอาจจะเป็นมากขึ้นในเวลากลางคืน เนื่องจากท่านอนทำให้ท่อปรับความดันหูชั้นกลางบวมคั่งมากขึ้น ในระยะต่อมาถึงแม้จะไม่ได้รับการรักษา แต่อาการปวดหูก็จะเริ่มทุเลาลงได้ ไข้เริ่มลง แต่จะเริ่มมีอาการหูอื้อเด่นขึ้นมาแทน โดยมีน้ำขังในหูชั้นกลาง สำหรับในระยะนี้แก้วหูยังไม่ทะลุ แต่ถ้ายังไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ก็จะเริ่มมีน้ำไหลซึมออกมา แสดงว่าแก้วหูจะทะลุ น้ำที่ไหลออกมาจะเริ่มข้นมากขึ้นเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น หูอื้อมากขึ้นอีก จากนั้นจะดำเนินโรคกลายเป็นหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังต่อไป ซึ่งมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงต่างๆตามมาได้มาก เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีในสมอง ใบหน้าเป็นอัมพาต เป็นต้น
สำหรับเหตุที่มักพบในเด็กเล็ก เนื่องจากในเด็กวัยนี้ ยังมีท่อปรับความดันหูชั้นกลางที่ไม่พัฒนาสมบูรณ์เต็มที่ ประกอบกับเด็กวัยนี้จะเริ่มมีการสัมผัส คลุกคลีกับบุคคล และสถานที่ต่างๆ มากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะติดเชื้อ เป็นหวัดได้บ่อย ซึ่งจากภาวะหวัดที่เป็นลุกลาม ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดการอักเสบต่อเนื่อง ทำให้ท่อปรับความดันหูชั้นกลางทำหน้าที่ได้แย่ลง มีผลทำให้เกิดภาวะหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันขึ้น นอกจากนี้ในบางภาวะที่มีความไม่สมบูรณ์ของหูชั้นกลาง ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้มากขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาการดาวน์ ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นต้น
2. หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง เป็นภาวะต่อเนื่องจากการอักเสบเฉียบพลัน ที่เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น เช่น แก้วหูทะลุ ขี้ไคลฝังใน หรือเกิดจากการที่แก้วหูได้รับบาดเจ็บ มีรูทะลุไม่ปิดทำให้เกิดการติดเชื้อได้บ่อย เกิดน้ำหนองไหลได้เรื่อยๆ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการไข้ แต่จะมีน้ำหนองไหลและหูอื้อ หรืออาการอื่นๆ ตามแต่ภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดร่วมด้วยได้
เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยปัญหาเรื่องหูน้ำหนวก โดยทั่วไปเมื่อแพทย์หู คอ จมูก ส่องดูในช่องหูด้วยเครื่องมือตรวจหูก็จะสามารถวินิจฉัยโรคได้ทันที แต่แพทย์หู คอ จมูกจะซักประวัติก่อนเสมอ ทั้งนี้เพื่อช่วยในการสืบค้นหาประวัติเสี่ยงที่จะเป็นสาเหตุหลัก สาเหตุร่วม สาเหตุหนุน และตรวจร่างกายครบทั้งหู คอ และจมูก เนื่องจากผู้ป่วยที่มีปัญหาทางหูมักมีความเกี่ยวเนื่องกับความผิดปรกติที่ คอ และจมูกได้ ทั้งหมดนี้ทำให้ แพทย์หู คอ จมูกสามารถวินิจฉัยและรักษาภาวะโรคที่เกิดขึ้นได้ครบถ้วน รวมถึงสามารถแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ในผู้ป่วยบางรายที่จำเป็นก็จะมีการส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติมอีก เช่น การตรวจการได้ยิน การตรวจความดันของหูชั้นกลาง
การดูแลรักษาผู้ป่วยหูชั้นกลางอักเสบ มีหลักการ แก้ไขสาเหตุ และรักษาภาวะแทรกซ้อน รวมถึงระวังการเป็นซ้ำต่อไป ได้แก่ รักษาอาการหวัด ให้ทุเลา ให้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่อง ประมาณ 2 สัปดาห์ ทำความสะอาดช่องหู โดยแพทย์หู คอ จมูก เป็นระยะ และสามารถทำเองที่บ้าน ได้บ้างโดยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาดให้ชุ่ม และเช็ดบริเวณปากรูหูออกมา โดยไม่ควรแหย่ลึกไปกว่านั้น ในผู้ป่วยที่เป็นซ้ำบ่อย จะพิจารณาตรวจหาสาเหตุซ่อนเร้น เช่น ต่อมอดีนอยด์อักเสบเรื้อรัง โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ เพื่อดูแลรักษาต่อเนื่องต่อไป การผ่าตัดมีความจำเป็นในบางกรณี เช่นต่อมอดีนอยด์อักเสบเรื้อรัง มีแก้วหูทะลุไม่ปิดเอง หรือมีอาการปวดหูมากๆ โดยที่แก้วหูยังไม่ทะลุ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อการดูแลอย่างมีประสิทธิผลและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน รวมถึงผลกระทบในระยะยาวต่อไป
สำหรับการดูแลตนเองหรือบุตรหลานโดยทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันโรคหูน้ำหนวกทำได้ง่ายๆ ดังนี้ คือ ไม่ปั่นหู ไม่แคะหู หลีกเลี่ยงไม่ไอ สั่งน้ำมูก จามรุนแรง แบบปิดปากไม่ปล่อยให้เป็นหวัดเป็นเวลานาน ควรรีบดูแลรักษาให้หาย เมื่อมีอาการน่าสงสัย หรือเป็นหวัดนานเกิน 1 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์หู คอ จมูกทันที