การแปลผลการตรวจการนอนหลับ (polysomnography) ในผู้ใหญ่ และการรักษา (ตอนที่ 1)

การแปลผลการตรวจการนอนหลับ (polysomnography)
ในผู้ใหญ่ และการรักษา (ตอนที่ 1)
 

รศ. นพ. ปารยะ   อาศนะเสน

ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

1. การตรวจการนอนหลับ   (sleep test)  เป็นการตรวจเพื่อแยกระหว่าง

       - กรนธรรมดา:  ผู้ป่วยมักไม่เดือดร้อน  แต่คนรอบข้างเดือดร้อนจากเสียงดัง  หรือผู้ป่วยอาจเดือดร้อน  ในการเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่น 

 - กรนอันตราย:  ผู้ป่วย และคนรอบข้างเดือดร้อน  ถ้าไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยอาจมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน ทำให้เรียน หรือทำงานได้ไม่เต็มที่ ถ้าต้องขับรถ อาจเกิดอุบัติเหตุในท้องถนนได้ นอกจากนั้นจะมีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตในปอดสูง โรคหลอดเลือดในสมอง และอาจมีอายุสั้น อยู่ได้ไม่นาน โดยเฉพาะถ้าดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา ต่อชั่วโมง   20      

2. ผลการตรวจบ่งชี้ว่าท่านเป็น

       - กรนธรรมดา ถ้า ดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา ต่อชั่วโมง < 5

       - กรนอันตราย ถ้า ดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา ต่อชั่วโมง  โดยมีความรุนแรงอยู่ในระดับ

    ดัชนีหยุดหายใจ และหายใจแผ่วเบา ต่อชั่วโมง (AHI)     ระดับออกซิเจนในเลือดที่ต่ำที่สุดขณะนอนหลับ

น้อย                  5 -14                                                        86 – 90
ปานกลาง          15 – 29                                                       70 – 85

รุนแรง                30                                                           69

3. การรักษา มี  2  ทางเลือกคือ  

3.1)  วิธีไม่ผ่าตัด  

            -ให้ทดลองใช้ เครื่องเป่าลมในทางเดินหายใจส่วนบน (CPAP)  ปกติเวลานอน  เพดานอ่อน และลิ้นไก่ที่ยาว และโคนลิ้นที่โต จะตกลงมาบังทางเดินหายใจส่วนบน  ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบ  ลมที่เป่าเข้าไป จะไปถ่างทางเดินหายใจให้กว้างออก ทำให้ไม่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจ  ผู้ป่วยไม่กรน และไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ควรทดลองใช้ประมาณ  1-2  สัปดาห์ (ฟรี) ถ้าใช้แล้วดีขึ้น คิดว่าใช้ได้ แนะนำให้ซื้อใช้ แต่ต้องใช้ทุกคืน คืนใดไม่ใช้ ก็จะมีอาการกรนและ/หรือ  ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอีก  ซึ่งปัจจุบันตัวเครื่องมีขนาดเล็ก สามารถพกพาไปที่ไหนๆได้ค่อนข้างสะดวก การใช้เครื่องเป่าลมจะเหมือนการใส่แว่นตาใหม่ๆ คืออาจรู้สึกอึดอัดบ้างในช่วงแรก  ต้องใส่ๆ ถอดๆ  เมื่อชิน ก็จะใส่ได้เอง โดยสามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายเพื่อขอลอง

            - เครื่อง  MANUAL โดยจะตั้งระดับความดันไว้กี่เซนติเมตรน้ำ ขึ้นกับผลของการปรับความดันขณะลองใช้เครื่องขณะตรวจการนอนหลับ (CPAP titration)

            - เครื่อง AUTO  ซึ่งสามารถปรับความดันลมที่เป่าออกมาได้อัตโนมัติ  ถ้าทางเดินหายใจตีบแคบมาก  เครื่องจะปรับโดยใช้ความดันสูงเป่า  ถ้าทางเดินหายใจตีบแคบน้อย  เครื่องจะปรับโดยใช้ความดันน้อย ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ลองใช้เครื่องขณะตรวจการนอนหลับ (no CPAP titration) ควรขอลองเครื่อง   HUMIDIFIER   (เครื่องปรับอากาศให้อุ่น และชื้นขึ้น)  ร่วมด้วยเสมอ  เพราะการที่ลมเป่าจมูกเรื่อยๆ  ถ้าเป็นลมที่แห้งและเย็น (โดยเฉพาะถ้านอนเปิดพัดลม  หรือเปิดแอร์)  จะทำให้เยื่อบุจมูกบวม  เกิดอาการคัดจมูกได้ง่าย   ซึ่งจะทำให้เครื่องเป่าลมที่เป็น  AUTOต้องเพิ่มความดันมากขึ้น  ในการเอาชนะโพรงจมูกที่ตีบแคบ  อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอึดอัดมากขึ้นได้ หรือถ้าเป็นเครื่อง MANUAL ระดับความดันที่ตั้งไว้ อาจจะไม่พอในการเอาชนะโพรงจมูกที่ตีบแคบเพิ่มขึ้นมา ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษา อาการนอนกรน และ/หรือ   ภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ผลต่ำกว่าปกติ   เมื่อเปรียบเทียบกับขณะที่ยังไม่มีเยื่อบุจมูกที่บวม   เครื่อง HUMIDIFIER นี้  จะทำให้อากาศอุ่นและชื้นขึ้น  คล้ายมีเครื่องอบซาวน่าอยู่ที่จมูก ทำให้ผู้ที่สวมใส่สบายขึ้น   

           
- มีต่อตอนที่ 2 -


เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด