น่าห่วง! หูตึง(1)
น่าห่วง! หูตึง (1)
รศ.นพ.ปารยะ อาศนเสน
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ปัญหาหนึ่งของผู้สูงวัยและอาจถือเป็นปัญหาของคนรอบข้างด้วยเหมือนกัน คือ การที่ผู้สูงวัยมีความสามารถในการรับเสียงแย่ลง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ หูตึงนั่นเอง และเนื่องจากเป็นภาวะที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ในบางครั้ง ผู้สูงวัยหรือคนรอบข้างอาจมีปัญหาอื่นแทรกซ้อนได้ จากการที่ต้องตะโกนสื่อสารกันเป็นเวลานาน เช่น เสียงแหบ ไอเรื้อรัง เป็นต้น
ภาวะหูตึง หมายความถึงภาวะที่ความสามารถในการรับเสียงแย่ลง มีการให้ระดับความรุนแรงของการเสียการได้ยิน ดังตาราง
ระดับการได้ยิน |
ระดับความพิการ |
ความสามารถในการเข้าใจคำพูด |
0-25 dB |
ปกติ |
ไม่ลำบากในการรับฟังคำพูด |
26-40 dB |
หูตึงน้อย |
ไม่ได้ยินเสียงกระซิบ |
41-55 dB |
หูตึงปานกลาง |
ไม่ได้ยินเสียงพูดปกติ |
56-70 dB |
หูตึงมาก |
ไม่ได้ยินเสียงพูดที่ดังมาก |
71-90 dB |
หูตึงรุนแรง |
ได้ยินไม่ชัดแม้ต้องตะโกน |
>90 dB |
หูหนวก |
ตะโกน หรือใช้เครื่องขยายเสียงก็ไม่ได้ยิน |
การที่คนเราสามารถรับเสียง อาศัยกลไก 2 ส่วน คือ
1. ส่วนนำเสียงและขยายเสียง ได้แก่ หูชั้นนอกและหูชั้นกลาง คลื่นเสียงจากภายนอกผ่านเข้าไปในช่องหูจะไปกระทบแก้วหู และมีการส่งต่อและขยายเสียงไปยังส่วนของหูชั้นในต่อไป ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้น จะทำให้เกิดภาวะหูตึงได้
2. ส่วนประสาทรับเสียง ได้แก่ส่วนของหูชั้นในไปจนถึงสมอง ซึ่งเป็นส่วนที่เรารับรู้และเข้าใจเสียงต่างๆ ความผิดปกติบริเวณนี้ ส่วนใหญ่ทำให้เกิดภาวะหูตึง หูหนวกถาวร และบางโรคทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
โรคที่ทำให้เกิดภาวะเสียการได้ยินจึงมีสาเหตุได้ทั้งจากส่วนนำเสียง ขยายเสียง และส่วนประสาทรับเสียงด้วย แต่กล่าวโดยทั่วไป หากพูดถึงภาวะหูตึง ก็จะหมายความถึงการเสียการได้ยินจากประสาทรับเสียง