การนอนในวัยต่างๆ (ตอนที่ 1)
การนอนในวัยต่างๆ (ตอนที่ 1)
อ.ดร.ปุณฑริกา สุวรรณประเทศ
ภาควิชาสรีรวิทยา ศูนย์นิทรรักษ์ศิริราช
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ปัจจัยที่สำคัญอันหนึ่งของการนอนในคนเรา คือ ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ ยกตัวอย่างเข่น แฝดแท้ หรือ แฝดเหมือน (identical twins) จะมีลักษณะหรือรูปแบบของการนอนที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันมากกว่าในแฝดเทียม หรือ แฝดต่าง (nonidentical twins) หรือในเครือญาติ
ความแตกต่างของรูปแบบการนอนและการตื่น ดูเหมือนจะเป็นสมบัติติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด มีการจัดแบ่งลักษณะอย่างไม่เป็นทางการ เช่น พวกที่เป็นนกฮูก (night owls) หรือคนที่ชอบนอนดึก และพวกที่เป็นนกกระจาบ (larks) หรือคนที่ชอบตื่นเช้า นอกจากนี้ก็ยังมีการแยกประเภทคนและการนอนตามคุณภาพของการนอน คือ พวกที่นอนหลับลึก (deep sleepers) และพวกที่นอนหลับตื้น (light sleepers) หรือแบ่งตามชั่วโมงของการนนอน คือ พวกที่นอนสั้น คือ น้อยกว่า 6 ชั่วโมง (short sleeperes) และ พวกที่นอนยาว คือมากากว่า 8 ชั่วโมง (long sleepers)
นอกจากปัจจัยทางกรรมพันธุ์แล้ว ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่มีผลต่อการนอนของเรา ปัจจัยของอายุก็นับว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอันหนึ่ง เนื่องจากอายุมีผลต่อจำนวนชั่วโมงการนอนในแต่ละคืน
ในเด็กแรกเกิด จะมีการนอนหลับแบบหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งวัน นับเป็นชั่วโมงโดยประมาณ 18 ชั่วโมง โดยที่ครึ่งหนึ่งของกานนอนจะเป็นการนอนแบบที่มีการกรอกของลูกตาแบบเร็ว หรือที่เรียกว่า REM sleep (rapid eyes movement sleep) นอกจากนี้วงจรของการนอน (sleep cycle) 1 รอบ โดยนับจากการนอนที่ไม่มีการกรอกลูกตาแบบเร็ว (non-REM sleep) ไปยัง REM sleep จะสั้น คือน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณ พออายุประมาณ 4 สัปดาห์ การนอนหลับแบบหลับๆ ตื่นๆ จะลดลง คือมีการนอนในแต่ละครั้งนานขึ้น ประมาณ 6 เดือน จะมีการนอนในช่วง non-REM sleep มากขึ้น เริ่มมีพฤติกรรมการนอนที่มีรูปแบบมากขึ้น คือนอนได้ยาวนานขึ้นในตอนกลางคืน และมีการนอนช่วงสั้นๆ ในเวลากลางวัน ช่วงเช้าและช่วงบ่าย (napping)
พอโตขึ้นอีกหน่อย ในวัยก่อนเข้าโรงเรียน ช่วงเวลาของการนอนตอนกลางวันจะสั้นลง สั้นลงเรื่อยๆ ในช่วงอายุประมาณ 6 ขวบ เด็กส่วนใหญ่จะตื่นตลอดวัน และนอนประมาณ 10 ชั่วโมง ในตอนกลางคืน