ไรฝุ่น...อีกหนึ่งงานวิจัยเพื่อสุขภาพคนไทย
ไรฝุ่น...อีกหนึ่งงานวิจัยเพื่อสุขภาพคนไทย
รศ.วรรณะ มหากิตติคุณ
ศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราช
ภาควิชาปรสิตวิทยา
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ไรฝุ่น ชื่อนี้คงเป็นที่คุ้นหูกันไม่น้อยเลย แต่จะใครรู้บ้างว่าเจ้าสัตว์ตัวจิ๋วมองไม่เห็นนี้สามารถก่อปัญหาใหญ่เกินตัวได้ขนาดนั้น เรียกว่าแทบเกือบทุกประเทศทั่วโลกต้องสูญเสียงบประมาณมหาศาลไปกับการแก้ปัญหา โรคแพ้ไรฝุ่น (Mite Allergy) เมื่อบอกเล่าอาการให้แพทย์ฟังก็จะได้รับการตรวจวินิจฉัย ทำให้รู้จักชื่อโรคตามภาษาการแพทย์เช่น โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (allergic Rhinitis) ก็คือ โรคแพ้อากาศ ที่เราเรียกกันนั่นเอง ส่วนโรคหอบหืด (asthma) ก็เป็นโรคที่มีสาเหตุหลักมาจากไรฝุ่นเช่นกัน การจับหืดนั้นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่าปัจจุบันโรคภูมิแพ้กลายเป็นโรคฮิตของคนเมืองไปเสียแล้ว ท่านจึงมักได้ยินคนรอบข้างบ่นถึงปัญหาสุขภาพ เช่น คันจมูก ไอ จาม น้ำมูลไหล คันตา สิ่ง เหล่านี้เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเรียกว่า อาการภูมิแพ้
ปัจจัยในการก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้นอกเหนือจากเรื่องของการสืบทอดทางพันธุกรรมแล้ว การได้รับสารก่อภูมิแพ้จากสภาวะแวดล้อมกระตุ้นอยู่เป็นประจำก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอีกอย่างหนึ่ง ส่วนมากสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายได้โดยการสูดดม (inhalant allergens) คำว่า allergen หรือ สารก่อภูมิแพ้นั้น ทางการแพทย์ได้จัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สารก่อภูมิแพ้ชนิดภายในบ้าน (indoor allergen) เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ และ สารก่อภูมิแพ้ชนิดนอกบ้าน (outdoor allergen) เช่น ฝุ่นละออง ควันรถยนต์ กลิ่นไอน้ำมัน ขนสุนัข ขนแมว เป็นต้น การที่แพทย์ทราบต้นเหตุของการเกิดอาการภูมิแพ้ของท่านได้ จะมีประโยชน์ต่อท่านมาก เพราะช่วยทำให้การรักษาโรคได้ผลดียิ่งขึ้น จากประวัติอาการที่ท่านเล่าทำให้ทราบอะไรไปเกินครึ่ง เช่น ลูกจับหืดหรือมีอาการเหนื่อยหอบทุกครั้งหลังเล่นฟาดหมอนกัน, จามทุกครั้งขณะดูดฝุ่น, น้ำมูกไหลตอนเช้าทุกวัน เหล่านี้มีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ทั้งสิ้น แพทย์อาจมีการทดสอบเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เช่น การทดสอบทางผิวหนัง (skin test) ทำให้ทราบชนิดของสารแพ้ที่เป็นตัวก่อโรค และเมื่อตรวจฝุ่นแวดล้อมเพิ่มเติมด้วยจะทำให้ทราบแหล่งสะสมสารก่อภูมิแพ้ในบ้านในจุดที่สำคัญ เช่น ที่นอน หมอน และเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าท่านแพ้ไรฝุ่น แพทย์จะแนะนำวิธีการป้องกันกำจัดไรฝุ่นและกำชับให้ท่านทำบ่อยๆ คู่ขนานกันไปกับการรักษา คำถามที่ผู้ป่วยอยากถามอยู่เสมอคือ โรคภูมิแพ้สามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม คำตอบคือ ไม่หายขาดในเร็ววัน เป็นโรคเรื้อรังแบบน่ารำคาญ การดูแลตนเองให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ได้ทำให้มีชีวิตที่เป็นปกติสุขได้
ถ้าเรียงลำดับความสำคัญของโรคภูมิแพ้ที่พบในคนไทย พบว่า โรคภูมิแพ้ไรฝุ่นสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือโรคภูมิแพ้แมลงสาบ ในฝุ่นบ้านพบสารก่อภูมิแพ้ทั้งสองในปริมาณมาก ส่วนสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ พบน้อยลงไป ปัญหานี้พบในประเทศอื่นๆ เช่นกัน ทั้งสองโรคนี้ครองแชมป์ในการเป็นสาเหตุหลักในการก่อโรคภูมิแพ้ บางประเทศ cockroach allergy อาจเป็นปัญหา มากกว่า mite allergy และมีอัตราการเกิดโรคทวีมากขึ้นทุกปีในทุกประเทศทั่วโลก
เราจะทราบได้อย่างไรว่าในวันหนึ่งๆ เราสูดดมสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นเข้าไปในปริมาณเท่าใด มีค่ากำหนดไว้หรือไม่ การตรวจวัดเช่นนั้นทำได้ยาก การตรวจจากฝุ่นแวดล้อมทำได้ง่ายกว่า จึงนิยมดูดฝุ่นจากแหล่งสงสัยในบ้านมาตรวจวิเคราะห์แทน เช่น ดูดฝุ่นที่นอน หมอน พรม พื้นห้อง ฯลฯ เมื่อทราบแหล่งก็ต้องหาทางกำจัดเพื่อให้เราลดการสุดดมลง องค์การอนามัยโลกได้มีเกณฑ์มาตรฐานกำหนดไว้คือ การได้รับสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นเข้าไปเกิน 2 ไมโครกรัม/ 1 กรัมฝุ่น สามารถกระตุ้นร่างกายให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ และถ้าเกิน 10 ไมโครกรัม ขึ้นไปทำให้เกิดการจับหืดเฉียบพลันได้ ดังนั้นเมื่อเราสงสัยฝุ่นแวดล้อมหรือพบการรักษาได้ผลดีเท่าที่ควรจะเป็น ควรหันมาสนใจเรื่องสภาวะแวดล้อมด้วย รวมทั้งให้ความสำคัญกับการรลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในฝุ่นแวดล้อมโดยนำวิธีการป้องกันกำจัดไรฝุ่นมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
สำหรับท่านใดประสงค์จะนำฝุ่นแวดล้อมของท่านมาตรวจวิเคราะห์ อาทิเช่น ฝุ่นในห้องนอน จำพวก ที่นอน หมอน พื้น พรม เหล่านี้ จะทำให้ท่านทราบพื้นที่เสี่ยงภายในบ้าน ซึ่งจะได้หาทางแก้ไขสาเหตุของโรคได้ เพราะการลดการสัมผัสสูดดมสารก่อภูมิแพ้ลงได้ จะทำให้อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบบ่อยๆ สนใจทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dustmitethai.com