การผ่าตัดยึดกระดูกใต้โคนลิ้นและกล่องเสียง
อีกทางเลือกหนึ่งของการรักษานอนกรน
การผ่าตัดยึดกระดูกใต้โคนลิ้นและกล่องเสียง
(Hyoid myotomy and suspension)
รศ.นพ.วิชญ์ บรรณหิรัญ
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
เสียงกรน เกิดจากการที่ลมหายใจกำลังเคลื่อนผ่านทางเดินหายใจส่วนต้นที่ตีบแคบลง ในลักษณะที่เป็น ลมหมุน และทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อรอบข้าง โดยตำแหน่งที่แคบของทางเดินหายใจ อาจเริ่มตั้งแต่ จมูก, โพรงหลังจมูก, เพดานอ่อน, คอหอย, ต่อมทอนซิล, โคนลิ้น, จนถึงบางส่วนของกล่องเสียง ทั้งนี้เสียงกรนนอกจากจะก่อให้เกิดความรำคาญอย่างมากกับคู่นอน หรือผู้ที่พักอาศัยร่วมด้วย ยังอาจเป็นอาการแสดงที่สำคัญอย่างหนึ่งของกลุ่มโรคภาวะหายใจผิดปกติขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea)
แนวทางการรักษาผู้ป่วย ที่มีภาวะหายใจผิดปกติขณะหลับจากการอุดกั้นนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- สาเหตุและความรุนแรงของโรค
- ความต้องการและความร่วมมือของผู้ป่วย
- ตลอดจนข้อดีข้อเสีย หรือข้อจำกัดของการรักษาแต่ละแบบ
โดยทั่วไปการรักษาแบ่งเป็น
- การรักษาแบบอนุรักษ์ เช่น ลดน้ำหนัก, นอนตะแคง, อนามัยการนอนที่ดี, การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์
- การรักษาแบบจำเพาะ ซึ่งได้แก่ การใช้เครื่องอัดอากาศขณะหายใจ (CPAP), การใช้เครื่องมือในช่องปาก, และการผ่าตัดทางเดินหายใจ เป็นต้น
แต่ในปัจจุบัน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา มีความก้าวหน้าเกี่ยวกับการรักษานอนกรน โดยทำการผ่าตัดยึดกระดูกใต้โคนลิ้นและกล่องเสียง เพื่อรักษาอาการนอนกรนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับปานกลางหรือรุนแรง ซึ่งในการผ่าตัดยึดกระดูกใตโคนลิ้นและกล่องเสียงนี้ มีจุดประสงค์เพื่อทำใหทางเดินหายใจบริเวณโคนลิ้น และเหนือกล่องเสียงกว้างและตึงขี้น เพราะบริเวณใต้โคนลิ้นจะมีกระดูกที่เราเรียกว่า ฮัยออยด (Hyoid bone) ซึ่งเป็นที่เกาะของกล้ามเนื้อลิ้นและลําคอและบางส่วนของกล่องเสียง กระดูกชิ้นนี้จะมีความกว้างตรงกลางราว 1 ซม. และยาวประมาณ 8-10 ซม. ในผู้ใหญ การรักษาวิธีนี้อาจทำภายใต้การฉีดยาชาหรือการดมยาสลบ โดยแพทย์จะผ่าตัดผ่านแผลใต้คางซึ่งยาวประมาณ 6-7 ซม. และทำการเย็บด้วยไหมพิเศษเพื่อยึดกระดูกฮัยออยดกับกระดูกของกล่องเสียง (ที่เรามักเรียกว่า ลูกกระเดือก)
ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้
- อาการปวดหรือเจ็บแผลหลังผ่าตัดไม่มาก
- ไม่เห็นรอยแผล หรือส่วนมากเห็นได้ไม่ชัดเจน เพราะแผลผ่าตัดภายนอกนั้นจะอยูใต้บริเวณคางคล้ายรอยย่นของผิวหนังคอที่มีอยู่แล้ว
- ผู้ป่วยไม่จําเป็นต้องตัดไหมภายหลัง เนื่องจากใชไหมละลายเองไดเย็บ
- บางครั้งอาจทำการตัดเนื้อไขมันใตผิวหนังบริเวณนี้ออกด้วย เพื่อลดปริมาณไขมันและทำใหรูปร่างคอใตคางดูดีขึ้น
ข้อจำกัด
- มักต้องทําร่วมกับการผ่าตัดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การจี้โคนลิ้นด้วยความถี่วิทยุ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลการรักษา
- ถ้าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและอายุมากขึ้น อาการอาจแยลงได
- ผู้ป่วยที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน หรือ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ต้องหยุดยาก่อนผ่าตัดหลายวัน ทั้งนี้ ต้องปรึกษาแพทย เพื่อประเมินความพร้อมของผู้ป่วยสําหรับการผ่าตัด ซึ่งอาจต้องตรวจเลือด ภาพถ่ายรังสี หรือ คลื่นหัวใจ แล้วแตความจำเป็น
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด
1. ผู้ป่วยอาจรู้สึกหายใจลําบากจากการบวมโคนลิ้น
2. บางรายอาจเลือดออกจากแผลผ่าตัด ซึ่งมักมีปริมาณน้อยและหยุดได้เอง
3. ผู้ป่วยอาจกลืนไม่สะดวก เนื่องจากบวมและเจ็บโคนลิ้นในช่วงแรกไดซึ่งมักเป็นไมเกิน 1 สัปดาห
4. ผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรงและมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือ โรคหัวใจร่วมดดวย จะมีอัตราเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูงขึ้น
นอกจากนี้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา ยังมีโครงการในอนาคต จะมีเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษานอนกรนแบบใหม่ เช่น
- การรักษาด้วยการฝังพิลล่าร์ในเพดานอ่อน
- การจี้ความถี่วิทยุในจมูกและช่องคอ
- การผ่าตัดขากรรไกรเลื่อนมาด้านหน้า
- การพัฒนาอุปกรณ์สำหรับการรักษาอื่น ๆ เช่น เครื่องมือยึดขากรรไกรล่างชนิดปรับได้กึ่งสำเร็จรูป
- รวมถึงเครื่อง CPAP ขนาดเล็กที่สุดในปัจจุบัน
- การให้บริการตรวจการนอนหลับแบบไร้สาย (wireless sleep study) ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างมาก เป็นต้น
นอนกรนเป็นอาการอย่างหนึ่งของภาวะหายใจผิดปกติขณะหลับจากการอุดกั้น ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อย และเป็นปัญหาที่สำคัญทางด้านสาธารณสุขอย่างหนึ่งของประเทศ อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเทคโนโลยีจำนวนมากที่นำมาใช้ในการรักษา ซึ่งหากผู้ป่วยมีปัญหาดังกล่าว สามารถรับคำปรึกษาได้ที่ คลินิกนอนกรน ตึกสยามินทร์ ชั้น 1 ห้อง 102 โทร. 02 419 7835 หรือ ตึกผู้ป่วยนอกชั้น 5 หน่วนตรวจโรคหู คอ จมูก โทร. 02 419 7406 ได้ต่อไปครับ