แนวทางสำหรับการลดน้ำหนักในคนนอนกรน (ตอนที่ 2)

แนวทางสำหรับการลดน้ำหนักในคนนอนกรน (ตอนที่ 2)

Weight Reduction Guidelines               

รศ.นพ.วิชญ์  บรรณหิรัญ

    ภาควิชา โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา

Faculty of Medicine Siriraj Hospital

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

3. การรักษาด้วยยาลดน้ำหนัก (Weight loss Medication)

การใช้ยาช่วยลดน้ำหนัก นั้นควรเป็นเพียงส่วนเสริม ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ข้างต้น ในกรณีที่ทำอย่างเต็มที่  แต่ยังไม่ได้ผล มาแล้ว เช่นไม่น้อยกว่า 6 เดือน  ซึ่งปัจจุบันมีข้อบ่งชี้ ในผู้ใหญ่ คือ ผู้ที่มี BMI > 30 หรือ ผู้ที่มี BMI > 27 แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง  หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น

ปัจจุบัน องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้รับรองยาที่สามารถใช้ลดน้ำหนักได้ในระยะยาว ไม่เกิน 1 ปี จำนวน 2 ชนิดได้แก่

            Sibutramine ซึ่งมีฤทธิ์ ทำให้รู้สึกอิ่ม และรับประทานอาหารน้อยลง 

            Orlistat  ซึ่งมีฤทธิ์ ลดการดูดซึมไขมันจากอาหาร 

ยาทั้งสองชนิดนี้ จะช่วยลดน้ำหนักได้ราว 3 – 10 กิโลกรัม ซึ่งจะเห็นผลได้ใน 6 เดือนแรก   นอกจากนี้ยัง มียาอื่น ที่นำมาใช้ลดน้ำหนักเช่นกัน แต่ไม่ปลอดภัยสำหรับในการใช้ระยะยาว และยังไม่ได้รับการรับรอง  

เนื่องจากยาทุกชนิดย่อมมีข้อห้ามใช้ หรือมี ผลข้างเคียง ดังนั้นจึงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนและติดตามการตรวจรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วย

4.  การผ่าตัด เพื่อลดน้ำหนัก  (Bariatric Surgery)

ในกรณีที่ล้มเหลวจากการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งหมดข้างต้น อาจพิจารณารับการผ่าตัด ซึ่งมีข้อบ่งชี้ในผู้ที่มี BMI > 40 หรือ BMI >  35 แต่มีโรคร่วม เช่น  ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น

ปัจจุบันการผ่าตัดแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่

            การผ่าตัด รัดกระเพาะ (Banded Gastroplasty)  เพื่อให้มีปริมาตรเล็กลง ทำให้ทานอาหารได้น้อย

            การตัดต่อกระเพาะกับลำไส้เล็ก (Roux-en-Y Gastric Bypass)  ซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่า วิธีแรก

แม้ว่าการผ่าตัดมีรายงานว่าได้ผลค่อนข้างดี  อย่างไรก็ตาม ย่อมมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย  และต้องติดตามการรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ในระยะยาว

 

การควบคุมและป้องกัน ภาวะอ้วน หรือ น้ำหนักเกิน

             โดยทั่วไป ถ้า สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย  และรักษาระดับคงที่ ได้นานเกิน  2 ปี อาจถือว่า    ประสบความสำเร็จ  โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมในการใช้ชีวิต    

            สำหรับการป้องกันนั้น ควรเริ่มตั้งแต่เด็กอายุน้อย  โดยผู้ปกครองควรเป็นแบบอย่างที่ดี และช่วยปลูกฝังนิสัยมีระเบียบวินัย ตลอดจนให้คำแนะนำและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เติบโตและมีสุขภาพแข็งแรงต่อไป

 

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด