ทำอย่างไร??.... เมื่อคนที่คุณรัก ... นอนกรน ZZZZ
ทำอย่างไร??.... เมื่อคนที่คุณรัก ... นอนกรน
ZZZZ
รศ.นพ.วิชญ์ บรรณหิรัญ
ภาควิชา โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ความสำคัญ
นอนกรนเป็นอาการที่พบบ่อยมาก และเกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้สูงอายุ แท้จริงแล้ว เสียงกรนเป็นอาการที่บ่งบอกว่า กำลังมีการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งอาจเป็นตั้งแต่ จมูก ช่องลำคอ โคนลิ้น หรือ บางส่วนของกล่องเสียง ซึ่งเกิดการหย่อนตัวลงเกิดขึ้นในขณะนอนหลับ จนทำให้เมื่อลมหายใจ ผ่านเนื้อเยื่อดังกล่าว เกิดการสั่นสะเทือนและมีเสียงดังขึ้น อาการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้นนี้อาจเป็นเพียงบางส่วน หรือบางครั้งรุนแรงจนอุดกั้นลมหายใจทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถหายใจเข้าออกได้เป็นระยะ ๆ ซึ่งเราเรียกลักษณะดังกล่าวว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น
อาการที่บ่งบอกว่า อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
นอนกรนดังมากเป็นประจำ จนเกิดความรำคาญต่อผู้ที่นอนร่วมด้วย หรือ รู้สึกนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นบ่อย คอแห้ง ปวดศีรษะเป็นประจำตอนเช้า มีอาการไม่สดชื่น ง่วงนอนมากผิดปรกติระหว่างวันหงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่ดี หรือมีโรคประจำตัวร่วมด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และนอกจากนี้บางครั้งอาจรู้สึกหายใจไม่สะดวกเวลานอน หรืออาจมีผู้อื่นสังเกตเห็นว่าหายใจไม่สม่ำเสมอและมีเสียงกรนดังแต่หยุดเป็นช่วง ๆ ขณะนอนหลับ เป็นต้น
ในเด็ก อาจนอนกรนดังคล้ายผู้ใหญ่ได้ หรืออาจนอนกระสับกระส่าย หายใจลำบาก คัดจมูกเป็นประจำต้องอ้าปากหายใจบ่อย ๆ อาจมีปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำหรือมีพฤติกรรมซุกซนก้าวร้าว ผลการเรียนแย่ลง เติบโตช้ากว่าวัย เป็นต้น
ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัย
ถ้ามีอาการนอนกรนเป็นประจำ หรือสงสัยว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ควรมาพบแพทย์ด้านการนอนหลับ หรือแพทย์หู คอ จมูก พร้อมกับคู่สมรสหรือผู้ที่สังเกตเห็นอาการ โดยจะมีขั้นตอนต่อไปนี้
1. ก่อนตรวจควรทำแบบสอบถามประวัติที่เกี่ยวกับสุขภาพและการนอน (Medical and sleep history) จากนั้นจึงเข้าพบแพทย์เพื่อเล่าอาการเพิ่มเติม ในส่วนที่สำคัญและเกี่ยวข้อง
2. รับการตรวจร่างกาย ตั้งแต่ การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดชีพจรและความดันโลหิต วัดเส้นรอบวงคอ หรือรอบเอว หลังจากนั้น แพทย์จะตรวจร่างกายบริเวณ ศีรษะ ใบหน้า คอ จมูก และช่องปาก อย่างละเอียด เพื่อประเมินลักษณะทางเดินหายใจส่วนต้น รวมถึงตรวจร่างกายทั่วไป เช่นปอด และหัวใจ หรือระบบอื่น ๆ ที่สำคัญและเกี่ยวข้อง
3. ในหลายกรณีอาจต้องตรวจทางจมูกและลำคอของทางการส่องกล้อง (Endoscopy) ทีแผนกหู คอ จมูก และส่ง X-ray บริเวณศีรษะ ลำคอ หรือ การตรวจพิเศษอื่น ๆ เช่น ตรวจเลือด หรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจและอื่น ๆ ตามความจำเป็น
4. โดยกรณีทั่วไป ควรทำการทดสอบการนอนหลับ (sleep test) หรือเรียกว่า Polysomnography ร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG), คลื่นไฟฟ้าหัวใจ(EKG), คลื่นไฟฟ้าการเคลื่อนไหวลูกตา(EOG), คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อบริเวณคางและขา (EMG), วัดระดับการหายใจผ่านทางจมูก, การวัดการเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง, รวมถึงการวัดระดับออกซิเจนในเลือด โดยการทดสอบการนอนหลับนี้สามารถตรวจในห้องโรงพยาบาลได้ หรือตรวจด้วยเครื่องตรวจแบบไร้สายและเคลื่อนที่ได้(mobile test) โดยมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจตามห้องพิเศษ หรือที่บ้านก็ได้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยสะดวกสบาย และหลับได้เป็นธรรมชาติมากกว่า โดยคลินิกนอนกรน แผนกหู คอ จมูก ที่ รพ.ศิริราช ให้บริการด้วยเครื่องตรวจครบทุกแบบ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการตรวจมีหลายแบบและมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน จึงควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับว่า การตรวจแบบใดเป็นการตรวจที่เหมาะสมกับแต่ละราย
แนวทางการรักษา นอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
แผนก หู คอ จมูก รพ.ศิริราช ได้มีบริการตรวจและรักษา แบบครบวงจร โดยแนวทางการรักษาซึ่งมีหลายวิธีดังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรง รวมถึง สาเหตุหรือปัจจัยที่พบซึ่งแพทย์จะให้คำอธิบายหลังจากตรวจยืนยันในข้างต้นแล้ว และพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมกับแต่ละราย
1. การดูแลปฏิบัติเบื้องต้น ได้แก่ การปรับสุขอนามัยการนอน เช่นใช้เวลานอนพักผ่อนให้พอเพียง การเข้านอนและตื่นนอนอย่างตรงเวลาสม่ำเสมอ การงดเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน การหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ และยาที่มีฤทธิ์กดประสาท หรือคลายกล้ามเนื้อ งดเว้นดื่มชา กาแฟ และหยุดสูบบุหรี่ ในช่วงบ่าย ที่สำคัญในรายที่อ้วน หรือ น้ำหนักเกิน ต้องลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
2. การรักษาปัจจัยเสี่ยงหรือโรคร่วมที่อาจเป็นสาเหตุ เช่น ถ้าท่านมีโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอลซิลอักเสบ เนื้องอกบริเวณทางเดินหายใจ โรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หรืออื่น ๆ ซึ่งควรรับการรักษาโรคเหล่านี้ควบคู่กันไป
3. การรักษาด้วยความดันลม
4. การใช้เครื่องมือในช่องปาก
5. การรักษาด้วยการผ่าตัด
5.1 การผ่าตัดจมูก เช่น ใช้คลื่นวิทยุเพื่อลดขนาดของเยื่อบุเทอร์บิเนตอันล่าง (Radiofrequency ) หรือผ่าตัดเพื่อดัดผนังกั้นช่องจมูกในรายที่คดมาก
5.2 การผ่าตัดต่อมทอลซิล
5.3 การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อน
5.4 การผ่าตัดบริเวณโคนลิ้น เช่น การใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อลดขนาดของลิ้น หรือ การผ่าตัดดึงขากรรไกรล่างบางส่วนมาด้านหน้า วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาอุดกั้นบริเวณโคนลิ้น
5.5 การผ่าตัดเลื่อนกรามและขากรรไกรทั้งบนล่างมาด้านหน้า วิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่ได้ผลดีในผู้ที่มีอาการรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอย่างอื่น อย่างไรก็ตามเป็นการผ่าตัดค่อนข้างใหญ่ และอาจทำให้รูปหน้าเปลี่ยนได้ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมในแต่ละราย
5.6 การเจาะคอ
อนมากผิดปรกติระหว่างวัน ***5.7 การรักษาด้วยเทคโนโลยี ใหม่ และไม่ต้องดมยาสลบ ได้แก่ การฝังไหมพิลล่า (Pillar Implantation) และ การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) ซึ่งเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูงและนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ขั้นตอนการรักษาด้วยวิธีนี้คือจะใช้เข็มชนิดพิเศษ ซึ่งสามารถปล่อยพลังงานวิทยุ สอดเข้าไปในเยื่อบุผิวหรือตกแต่งบางส่วนของเนื้อเยื่อในบริเวณที่ต้องการ เช่น จมูก เพดานอ่อน โคนลิ้น จะช่วยให้ทางเดินหายใจส่วนบนกว้างและตึงตัวกว่าเดิม ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้คือ ได้ผลดีถึงดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการรักษาบริเวณจมูก อาการเจ็บปวดจากการรักษาน้อยลงใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องดมยาสลบและส่วนมากไม่ต้องนอนโรงพยาบาล สามารถทำซ้ำได้อีกหลายครั้งและมีผลข้างเคียงน้อยมาก นอกจากนี้การรักษาด้วยความถี่วิทยุ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาด้วยเครื่องมืออื่นๆ รวมถึงการผ่าตัดชนิดอื่นๆด้วย เป็นต้น
กล่าวโดยรวมแล้วการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด แต่ละวิธีได้ผลดีไม่เท่ากัน และอาจมีข้อดีข้อเสียและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนต่างกัน ดังนั้นดีที่สุดจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
สรุป
การนอนกรนนั้น อาจเป็นสัญญาณ เบื้องต้นของอันตรายที่ซ่อนอยู่โดยท่านไม่รู้ คือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งสามารถรักษาได้ และช่วยลดปัญหาหรือความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ที่ตามมาภายหลังไม่มากก็น้อย ดังนั้นหากท่าน หรือ คู่สมรส และบุตรหลานของท่าน นอนกรนดังมากเป็นประจำ ท่านอาจพิจารณาเข้าปรึกษาคลินิคผู้ป่วยนอนกรนเพื่อรับคำแนะนำและ การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป