ภูมิแพ้ในเด็ก

ภูมิแพ้ในเด็ก     

                                                                                   

ศ.พญ.นวลอนงค์   วิศิษฏสุนทร

                                                           ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

     ปีนี้ธรรมชาติแปรปรวนน่าดู จนลูกน้อยของคุณมีอาการน่าเป็นห่วงอย่างนี้หรือไม่

·       ไอ หายใจหอบ หายใจวี้ด เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย

·       จาม คัดแน่นจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล คันตา น้ำตาไหล เสมหะลงคอ เป็น ๆ หาย ๆ

·       ผื่นคันหรือลมพิษ หลังรับประทานอาหารหรือยาบางอย่าง หรือสัมผัสสารบางอย่าง

·       มีอาการทางผิวหนัง ทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหาร หลังจากกินอาหารหรือยาบางชนิด

        ถ้ามีล่ะก็ ลูกของคุณเข้าข่ายเป็น “โรคภูมิแพ้” ได้อยู่ ว่าแต่จะทำอย่างไรดี เรามีความรู้มาฝากค่ะ  

รู้จักโรคภูมิแพ้  

       โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจาก “สารก่อภูมิแพ้” ที่เข้าสู่ร่างกาย กับ “ภูมิแพ้” ที่ร่างกายสร้างขึ้น ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะเกิดอาการภูมิแพ้เมื่อได้รับสารภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายในขณะที่คนทั่วไปไม่มีอาการ โรคนี้พบได้บ่อย พบว่ากว่า 1 ใน 3 ของประชากรมักเป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง ถ้ามีอาการถึงขั้นรุนแรง อาจต้องขาดโรงเรียน พ่อแม่ขาดงานเพราะต้องเฝ้าดูแลลูกน้อย เป็นผลให้เกิดปัญหาต่อเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน

เราพบว่า พันธุกรรม เป็นสาเหตุสำคัญ หากพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้  โอกาสที่ลูกเกิดมาเป็นโรคภูมิแพ้  ก็มีแนวโน้มสูงตามไปด้วย อาการอาจเหมือนพ่อแม่หรือไม่ก็ได้ เนื่องจากอาการแสดงแตกต่างตามช่วงอายุ  นอกจากนี้การได้รับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ซากแมลงสาบ ละอองเกสรดอกไม้ รังแคจากสัตว์เลี้ยง เชื้อรา  รวมทั้งปัจจัยเสริม ซึ่งเป็นสิ่งกระตุ้น เช่น อากาศเย็น  สารระคายเคือง ควันรถ   การติดเชื้อ  ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน

         เมื่อถามถึงการวินิจฉัย คุณหมอจะเริ่มด้วยการซักประวัติของผู้ป่วยและครอบครัว ยิ่งได้รายละเอียดมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้การวินิจฉัยถูกต้องแม่นยำขึ้นเท่านั้น ร่วมกับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด การตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการทั่ว ๆ ไป และการตรวจสอบพิเศษ เช่น การทดสอบผิวหนัง ซึ่งพบว่าสิ่งที่เด็กไทยแพ้บ่อย  ได้แก่  ฝุ่นบ้าน   ไรฝุ่น   นุ่น   แมลงสาบ  เชื้อรา  อาหารทะเล  ขนและรังแคสัตว์เลี้ยง หญ้าและเกสรพืช   ซึ่งผลที่ได้จะช่วยสนับสนุนโรคบางโรค และแยกโรคอื่น ๆ ออกไป  ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

         สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง ร่วมกับการใช้ยาตามแพทย์สั่ง รับประทานอาหารพอเหมาะถูกสัดส่วน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  และพักผ่อนเพียงพอ  แต่ก็มีบางรายที่อาจต้องฉีดยาวัคซีนภูมิแพ้  ซึ่งจะต้องทำต่อเนื่องสม่ำเสมอ และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง รวมทั้งอาจเกิดอันตรายจากการแพ้จึงควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ควรพบแพทย์ถ้ามีอาการหรือติดตามดูอาการเป็นระยะ

       แม้ว่าโรคภูมิแพ้มักจะไม่หายขาด แต่ก็สามารถควบคุมอาการได้ หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมถูกต้อง ร่วมกับการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้อย่างสม่ำเสมอ  อัตราหายจากอาการของโรคก็อาจสูงถึงร้อยละ 75 - 80  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิด ความรุนแรง และระยะเวลาตั้งแต่เริ่มอาการจนถึงการรักษา ดังนั้นจึงควรวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมโดยเร็วที่สุด 

เอกสารประกอบ

ดาวน์โหลด